ศิษย์สุวรรณโคมคำ เรียนอะไรบ้างในห้องเรียน??

 ศิษย์สุวรรณโคมคำ เรียนอะไรบ้างในห้องเรียน??
   -เราเรียน ธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
   -เราเรียนรู้เรื่องบุญและบาป
   -เรารู้จักการเดินสายกลางของชาวพุทธ
   -เราเรียนกสิณสมาธิ  สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
   -เราเรียนรู้ในเรื่องโหราศาสตร์แนวพุทธ อันเป็นส่วนหนึ่งของวิชาของ บรมครูพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

   -เราเรียนรู้ว่า  "เราจะลดกรรมได้ ด้วยศีล ๕   และจะแก้กรรมได้ด้วย มรรคมีองค์๘ "
   -เราถูกสอนให้รู้สึกตัวว่า "ทุกอย่างจะดีขึ้น ด้วยการแก้ไขพฤติกรรม"  
   ถามย้อนกลับมาว่า  เราได้อะไรจากการเรียน??       คงต้องตอบว่า เราได้ "ธรรมะ" จากการเรียนนั่นเอง!!!!
      ทุกท่านคงจะทราบกันอยู่ว่า  ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนผู้นับถือ รู้จักว่า อะไรคือบุญ อะไรคือบาป   จะดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีสุข   สอนให้ทุกคนมีสติ รู้คิดผิดถูกชั่วดี   สอนให้เป็นคนดี  แน่นอนว่า  สอนให้รู้ว่า ทุกอย่างเริ่มด้วย จิต  ใจ  และการมีสติ
   ศาสนา สอนไว้ว่า  จิต เป็นนามธรรม   จะอยู่ได้ ต้องมี กาย ที่เป็นรูปธรรม    กาย เป็นที่ตั้งแห่ง จิต      จิต เป็นที่ตั้งแห่ง ใจ
   สอนว่า  จิตของมนุษย์ มี  ๒ อย่าง คือ
   ๑.จิตใต้สำนึก  คือ จิตที่เก็บข้อมูล หรือ ภาพประทับใจ  เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านทางความเชื่อ ทั้งในทางดีและทางไม่ดี จะเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ  และจะเป็นจิตที่อยู่เหนือเหตุผล
   ๒.จิตสำนึก  หรือ ใจ  เป็นส่วนที่แยกแยะเหตุผล  และต้องได้รับการฝึกฝนให้มีอำนาจและกำลังอยู่ตลอดเวลา  เช่น กำลังใจ เป็นต้น
   กล่าวกันว่า คนที่ฝึกสมาธิแล้ว จึงจะเข้าถึงส่วนของจิตใต้สำนึก และสามารถดึงพลังของจิตใต้สำนึกออกมาใช้ในรูปของพลังงาน รูปธรรม  โดยมีสติกำกับอยู่ตลอดเวลา   เรื่องนี้ คงต้องเป็นเรื่องของผู้อ่านทุกท่านที่จะต้องปฏิบัติและรู้กันเองแล้วล่ะ
   เมื่อคนเราพอมีความรู้อยู่บ้าง  และจะทำอย่างไรให้เกิดการต่อยอิดความรู้นั้น     ดังนั้น เมื่อโอกาสมาถึง จึง......
   เริ่มแรก    ก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่ชมรมศิษย์สุวรรณโคมคำ   ผู้เขียนก็เหมือนกับพุทธศาสนิกชน หรือแม้แต่ศาสนิกชนในศาสนาอื่น ๆ  ที่นับถือ   ทำบุญใส่บาตร   เข้าวัดบ้างเมื่อมีโอกาส  ทำความดีตามคำสอนที่ตนนับถือบ้าง   โดย เชื่อว่า ตนทำความดีไว้มากแล้วแท้ ๆ   เพราะ...
   ๑.ไม่ฆ่าสัตว์ใหญ่  (คน)  สัตว์กลาง  (ไม่ฆ่าแน่นอน  เพราะทำอาหารไม่เป็น)  สัตว์เล็ก  (อาจมีบ้างบางครั้งที่ฆ่าโดยไม่เจตนา เช่น ตบยุงเวลามันกัด  หรือ ตีแมลงสาป  เป็นต้น)
   ๒.ไม่ลักทรัพย์ ทั้งของผู้อื่นและตนเอง  (เอ๊ะ  หรือว่ามีบ้าง  เพราะอาจหยิบเงินกองกลางไปซื้อของกินส่วนตัว)
   ๓.ไม่ประพฤติผิดในกาม  (ข้อนี้รักษายากหน่อย เพราะต้องรักษาทางใจด้วย  ไม่ใช่พอเห็นหนุ่มหล่อสาวสวยเข้าหน่อย  ก็อยากได้เป็นคู่ จนไม่รู้ดีชั่ว ไม่สนใจว่าเขาจะมีคู่หรือยัง  เป็นต้น  อย่างนี้เขาก็เรียกผิดศีลข้อกาเมนะจ๊ะ)
   ๔.ไม่พูดมุสา  (พูดเท็จ พูดหยาบ พูดเพ้อเจ้อ  พูดให้แตกแยกสามัคคีกัน)  ข้อนี้รักษายากหน่อย สำหรับบรรดานักธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลาย
   ๕.ไม่ดื่มสุราและของมึนเมา  ยากสักนิดสำหรับผู้ชื่นชมการเข้าสังคม  แต่ถ้าแข็งใจนิด เวลาเข้าสังคมก็ดื่มน้ำนางเอกก็ได้ การรักษาศีลข้อนี้ รับรองราบรื่นแน่...
  เพียงเริ่มต้นด้วยความเชื่อจากการปฏิบัติตัวตามการรักษาศีล ๕ ข้อนี้ ก็หลงคิดว่า ตัวได้ทำดี เพราะไม่ทำผิดบาปอันใด  ดีกว่าคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย   โดยลืมนึกไปว่า แท้ที่จริงแล้ว  สิ่งที่ตนยึดไว้เป็นเพียงเรื่องตื้น ๆ เรื่องพื้น ๆ ของการยึดหน่วงทางจิตใจของศาสนาเท่านั้นเอง   เข้าวัดทำบุญ ก็อธิษฐานขอ...ขอ...ไปเรื่อย  ไม่เคยคิดเลยที่จะขอให้บรรลุธรรมขององค์พระสัมมา

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น